คำโปรย : ศพที่ดี ศพที่ช่วยแก้ปัญหาให้ได้
🌼🌼🌼🌼🌼
พรรณิภายืนกอดอกย่นคิ้ว ก้มลงมองร่างของชายแปลกหน้าที่นอนราบคว่ำหน้าอยู่กับพื้นขวางทางเดินระหว่างประตูบ้านกับห้องนั่งเล่น
เธอรู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่หายใจแล้ว เพราะทั้งพ่อและแม่ของเธอต่างมาตรวจสอบดูจนแน่ใจอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีใครไปแตะต้องหรือเคลื่อนย้ายร่างไร้ชีวิตนั้นตั้งแต่เมื่อ 4 วันก่อน
ตัวเธอเองก็เดินข้ามร่างของเขาไปมาอยู่หลายครั้งจนจำรูปลักษณ์ด้านหลังและรายละเอียดบนเสื้อผ้าของเขาได้หมดแล้ว
ชายคนนี้คาดว่าจะแอบเข้ามาในบ้านของเธอเพื่อจะขโมยของหรืออะไรสักอย่าง แต่ด้วยความมืด ความเซ่อ หรืออะไรก็ไม่รู้ได้ ก็ทำให้เขาหกล้ม หัวฟาดพื้น มีเลือดไหลออกมา แม้จะไม่ได้เจิ่งนองเต็มพื้น เป็นเพียงคราบเล็ก ๆ ที่ขมับข้างหนึ่ง แต่ก็คงทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
พรรณิภาก้าวข้ามร่างของเขาอีกครั้ง เพื่อไปเปิดตู้เย็นที่ตั้งอยู่ใกล้ประตูบ้าน หลังจากหยิบขนมและของว่างเรียบร้อยแล้ว เธอก็เดินข้ามร่างของเขากลับไปยังห้องนั่งเล่นตามเดิม และได้เห็นพ่อกับแม่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ด้วยกัน
ระหว่างที่ละครกำลังฉายอยู่ เธอก็นึกเรื่องที่น่าจะสำคัญมากเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงหันไปถามแม่
“แม่… มีคนตายอยู่ในบ้านเรา เราไม่ต้องแจ้งความเหรอ”
เธอจำไม่ได้ว่าข้อกฎหมายเรื่องนี้เขียนไว้ว่ายังไงบ้าง ถ้ามีใครตายอยู่ในบ้าน ต้องแจ้งภายในเวลากี่ชั่วโมงหรือกี่วันนะ…? แต่นี่ก็ผ่านมา 4 วันแล้ว ถ้าไปแจ้งตอนนี้ จะมีความผิดอะไรหรือเปล่า จะมีเรื่องยุ่งยากอะไรตามมาหรือไม่
แม่ของเธอเองก็เหมือนจะเพิ่งนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้เช่นกัน จึงลากข้อมือเธอให้ไปดูศพด้วยกันอีกครั้ง
เมื่อมาถึงจุดที่ศพนอนอยู่ แม่ก็บอกให้เธอล้วงหาหลักฐานหรืออะไรสักอย่างก็ได้ที่พอจะบ่งบอกว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร
เธอที่ได้เห็นเพียงด้านหลังของเขามาตลอด 4 วันก็ค่อย ๆ ย่อตัวลงไปล้วงกระเป๋ากางเกงขาสามส่วนของเขาทีละข้าง แต่ก็ไม่พบอะไรสักอย่าง ผู้ชายคนนี้เข้ามาแบบตัวเปล่ากับเสื้อผ้าที่สวมติดมาเท่านั้น
“เอาไงดีแม่ ถ้าไปแจ้งความตอนนี้ ตำรวจจะไม่คิดว่าพวกเราพยายามกลบเกลื่อนร่องรอยการตายหรืออะไรหรอกเหรอ เราจะอ้างเหตุผลอะไรที่ทำให้ไม่ยอมไปแจ้งความตั้งแต่ 4 วันก่อนดี?”
แม่ของเธอก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน ทำให้ทั้งคู่ต้องยืนคิดหาทางแก้ปัญหาตรงหน้าอย่างหนักหน่วง
เวลานั้นเองพรรณิภาได้ยินเสียงตะโกนเรียกจากประตูรั้วหน้าบ้าน จังหวะที่เธอเดินไปเปิดประตูบ้าน ร่างของชายหนุ่มที่นอนคว่ำแน่นิ่งมา 4 วันก็ลุกพรวดขึ้นมา แล้ววิ่งผ่านหน้าเธอไปอย่างรวดเร็ว
ดูเหมือนตัวเธอก็วิ่งตามออกมาด้วยโดยไม่รู้ตัว เมื่อมาถึงประตูรั้วแล้ว ยังไม่ทันที่เธอจะเปิดมันออก ชายหนุ่มแปลกหน้าที่ควรเป็นศพคนนั้นก็กระโดดข้ามประตูรั้วบ้านออกไป จากนั้นก็พุ่งตัวไปเปิดประตูรถของคนข้างบ้านที่มักจะมาจอดขวางหน้าบ้านเธอบ่อย ๆ ทำการสตาร์ทรถ แล้วเหยียบคันเร่งจนมิด ทำให้รถพุ่งตัวออกไปทันที ไม่นานมันก็หายลับไปจากสายตา ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เห็นทั้งคนทั้งรถอีกหรือไม่
พรรณิภายืนมองเหตุการณ์แปลกประหลาดตรงหน้าอย่างเหม่อลอย แต่ในใจคิดว่า
‘อืม… ปัญหาเรื่องแจ้งความช้าจนอาจกลายเป็นผู้ต้องสงสัยก็แก้ได้ง่าย ๆ อย่างนี้เอง ก็แค่ให้ศพกลับมาเป็นคน แล้วออกไปจากบ้านซะ ทำไมเราคิดไม่ได้ตั้งแต่แรกกันนะ…’
“คุณสารภีใช่ไหม พวกผมใช้เวลาตามหาตัวคุณมาหลายปี ไม่รู้ว่าคุณจะจำได้หรือเปล่าว่าเคยขับรถชนคนแล้วหลบหนีมา”
ชายคนหนึ่งในเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวกับกางเกงสีดำกล่าวพร้อมกับยื่นแผ่นกระดาษอะไรสักอย่างที่น่าจะเป็นเอกสารทางราชการมาตรงหน้าเธอ ทางด้านหลังมีผู้ชายอีก 2 คนตามมาด้วย คนหนึ่งนั่งอยู่บนรถเข็น ขาซ้ายใส่เฝือกสีขาวตั้งแต่ปลายเท้ามาจนถึงเข่า อีกคนทำหน้าที่เป็นคนเข็นรถให้เขา
เมื่อได้ยินชื่อ ‘สารภี’ พรรณิภาก็ย่นคิ้วแล้วพยายามนึกว่าเธอเปลี่ยนชื่อจากสารภีเป็นพรรณิภาตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ? น่าจะเมื่อ 10 กว่าปีก่อนล่ะมั้ง?
แล้วเธอก็ก้มลงมองชายบนรถเข็นที่มีเฝือกติดขาอยู่ ในใจคิดว่า ‘ถ้าฉันเป็นคนชนนายคนนี้ตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีก่อนจริง แล้วเฝือกนี่คืออะไร? … ฟอซซิล?’
[จบ]
ช่วง Talk : เรื่องสั้นที่ไรท์ฝันเมื่อคืนนี้ค่ะ ฝันแบบเหมือนจริงมาก ตอนดันสะโพกศพเพื่อล้วงหากระเป๋าตังค์แล้วไม่เจออะไรนี่ก็เหมือนได้สัมผัสเนื้อคนจริง ๆ เลย
ตื่นขึ้นมาตกใจหมด ได้แต่คิดว่า ถ้าศพไม่ฟื้นขึ้นมาแล้วจากไปเอง ฉันจะทำยังไงดีถึงจะรอดจากการกลายเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมได้ 🤣
ป.ล. ขอบใจที่ช่วยเลื่อนรถคนข้างบ้านให้พ้นไปจากหน้าบ้านฉันด้วยนะ 🤣